หลังคณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบการจัดสรรประชารัฐสวัสดิการใหม่ไปแล้ว ในรอบนี้ก็มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบสวัสดิการใหม่บางรายการ ให้ตรงอกตรงใจผู้ได้สิทธิมากขึ้น โดยผู้ที่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติตามโครงการฯ ปี 2565 จะเริ่มใช้ได้ตั้งแต่ 1 เม.ย.เป็นต้นไป สามารถตรวจเช็กรายละเอียด ได้ ดังนี้
1. วงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น สินค้าเพื่อการศึกษาและวัตถุดิบเพื่อเกษตรกรรมจากร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น และร้านอื่น ๆ ตามที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด จำนวน 300 บาทต่อคนต่อเดือน
2. วงเงินส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้มจากร้านค้าตามที่กระทรวงพลังงานกำหนด จำนวน 80 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน
3. วงเงินรวมค่าเดินทางผ่านระบบขนส่งสาธารณะ จำนวน 750 บาทต่อคนต่อเดือน โดยสามารถใช้โดยสารได้กับระบบขนส่ง 8 ประเภท ได้แก่ (1) รถองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) (2) รถบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) (3) รถไฟฟ้า บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพจำกัด (มหาชน) (Bangkok Mass Transit System : BTS) รถไฟฟ้ามหานคร (Metropolitan Rapid Transit : MRT) และบริษัท รถไฟความเร็วสูงสายตะวันออกเชื่อมสามสนามบิน จำกัด (4) รถไฟ (5) รถเอกชนร่วม ขสมก. รถเอกชน และส่วนราชการกรุงเทพมหานคร (6) รถเอกชนร่วม บขส. และรถเอกชน (7) รถสองแถวรับจ้าง และ ( เรือโดยสารสาธารณะ โดยไม่จำกัดวงเงินตามประเภทรถ)คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
ทั้งนี้ แตกต่างจากเดิมที่จะมีการให้วงเงินค่าเดินทางแยกเป็นประเภท ได้แก่ ค่ารถไฟเดือนละ 500 บาท ค่ารถทัวร์ บขส. 500 บาท และค่ารถเมล์ ขสมก.และรถไฟฟ้ารวมกัน 500 บาท
4. มาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้า อุดหนุนค่าไฟฟ้าจำนวน 315 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน กรณีที่ใช้ไฟฟ้าเกินวงเงินที่กำหนด ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (ผู้มีบัตรฯ) ที่ได้รับสิทธิจะเป็นผู้รับภาระค่าไฟฟ้าทั้งหมด
5คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง. มาตรการบรรเทาภาระค่าน้ำประปา อุดหนุนค่าน้ำประปาจำนวน 100 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน กรณีที่ใช้น้ำประปาเกิน 100 บาท แต่ไม่เกิน 315 บาท ผู้มีบัตรฯ ที่ได้รับสิทธิ ยังคงได้รับการสนับสนุนในวงเงิน 100 บาท และจะต้องชำระส่วนที่เกิน 100 บาท ด้วยตนเอง แต่หากผู้มีบัตรฯ ที่ได้รับสิทธิมีการใช้น้ำประปาเกิน 315 บาท ผู้มีบัตรฯ ที่ได้รับสิทธิจะเป็นผู้รับภาระค่าน้ำประปาทั้งหมด สำหรับมาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปา กระทรวงการคลังโดยกรมบัญชีกลางจะชำระค่าบริการที่ผู้มีบัตรฯ ที่ได้รับสิทธิที่ใช้บริการตามเงื่อนไขที่กำหนดให้แก่หน่วยงานผู้ให้บริการทั้ง 5 แห่ง ได้แก่ สำนักงานการไฟฟ้านครหลวง สำนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค กิจการไฟฟ้า สวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ สำนักงานการประปานครหลวง และสำนักงานการประปาภูมิภาค โดยผู้มีบัตรฯ ที่ได้รับสิทธิไม่จำเป็นต้องสำรองเงินในการชำระค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปาแต่อย่างใด โดยผู้มีบัตรฯ ที่ประสงค์รับสิทธิในมาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปาจะต้องดำเนินการลงทะเบียนผ่านผู้ให้บริการดังกล่าวก่อนการเริ่มใช้สิทธิโดยกระทรวงการคลังจะประชาสัมพันธ์วันเปิดรับลงทะเบียนให้ทราบอีกครั้ง